วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2551

คำคม

พยากรณ์อากาศ กรุงเทพฯ

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2551

ของขวัญจากในหลวง

อย่าทำลายความหวังของใคร……เพราะอาจเหลืออยู่แค่นั้น …
รู้จักฟังให้ดี ……โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆเท่านั้น …
จะคิดการใด……จงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ แต่เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย …
หัดทำสิ่งดีๆ……ให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัย โดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้ …
จำไว้ว่าข่าวทุกชนิดถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น …
ใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ช่าง……ไม่ต้องเสียเวลาโต้ตอบ …
ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ “2” แต่อย่าให้ถึง “3”…
เราไม่ได้ต่อสู้กับคนโหดร้าย แต่เราต่อสู้กับความโหดร้ายในตัวคน …
เมื่อมีใครสวมกอดคุณ……ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน …
อย่าไปหวังเลยว่าชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม …
ประเมินตัวเองด้วยมาตรฐานของตัวเองไม่ใช่มาตรฐานของคนอื่น …
คงไว้ซึ่งความเป็น คนเปิดเผย อ่อนโยน และอยากรู้อยากเห็น …
ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงใด สุขุมเยือกเย็นเข้าไว้ …
อย่าวิจารณ์นายจ้าง……ถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มีความสุขก็ลาออกซะ …
คำนึงถึงการมีชีวิต “กว้างขวาง” มากกว่าการมีชีวิต “ยืนยาว” …

ชายชรากับลังเหล็ก

กาลครั้งหนึ่ง ยังมีคุณลุงอยู่ท่านหนึ่ง ในช่วงวัยหนุ่มคุณลุงท่านนี้เป็นหัวหน้าคนงานอยู่ในเหมืองทองคำมีรายได้ดีมาก แต่คุณลุงท่านนี้ไม่เคยเก็บเงินเลยมีเท่าไรก็ใช้หมด เนื่องจากคุณลุงเป็นคนจิตใจดี ใครมาหยิบยืมก็ให้ เลี้ยงเพื่อนฝูงตลอด คุณลุงมีเพื่อนเยอะมาก จนกระทั่งคุณลุงท่านนี้เกษียณอายุจากการทำงาน ปรากฎว่าไม่มีเงินเหลือเลยจากชีวิตการทำงานอันยาวนาน คุณลุงมีลูกอยู่ 5 คน เมื่อคุณลุงไม่มีเงินก็จำเป็นต้องไปอาศัยอยู่บ้านลูก ๆ ทั้ง 5 คน

วันจันทร์ก็ไปอยู่บ้านลูกสาว ก็ถูกลูกเขยพูดจากระทบกระเทียบ เช่น “ทำไมคุณพ่อคุณไม่ไปบ้านลูกคนอื่นบ้างนะ ผมจะทำอะไรก็อึดอัดจริง ๆ” วันอังคารก็ไปอยู่บ้านลูกชาย ก็ถูกหลานและลูกสะใภ้กระทบกระเทียบ เช่น “รำคาญคุณปู่จังเลยกับข้าวที่หนูชอบดูสิคุณปู่ทานหมดเลย ทำไมคุณปู่ไม่ไปอยู่บ้านอื่นบ้าง” เป็นเช่นนี้ตลอด คุณลุงก็เปลี่ยนไปอยู่บ้านลูกคนนั้นทีคนนี้ที ก็ถูกลูกบ้าง ลูกเขยบ้าง ลูกสะใภ้บ้าง หลานบ้างพูดจาถากถางอยู่ตลอด แต่คุณลุงก็ต้องทน เพราะคุณลุงไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว อยู่มาวันหนึ่ง คุณลุงตัดสินใจเรียกลูก ๆ ทุกคนมาแล้วบอกว่า “พ่อจะไม่อยู่สัก 2 ปีนะลูก เพราะเพื่อนพ่อที่เป็นเจ้าของเหมืองทองคำมันเขียนจดหมายมาขอร้องพ่อไปช่วยงานที่เหมืองทองคำของมัน พ่อจำเป็นต้องไปช่วยเขาจริง ๆ” ลูก ๆ ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจสนับสนุนเพื่อให้คุณลุงท่านนี้ไปให้พ้น ๆ จะได้ไม่เป็นภาระอีกต่อไป เมื่อครบ 2 ปี คุณลุงท่านนี้ก็กลับมาพร้องกับลังเหล็กใบใหญ่ 1 ใบ ไปไหนแกก็ลากไปด้วย ลูก ๆ ก็พากันแปลกใจและถามว่า “ลังอะไร” คุณลุงตอบว่า “เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ได้มาจากเหมืองทองคำของเพื่อน ถ้าใครดูแลพ่อจนถึงวาระสุดท้าย ก็จะมอบสมบัติในลังเหล็กให้ทั้งหมด” ปรากฎว่าลูก ๆ พากันตื่นเต้นต่างอาสามาดูแลคุณพ่อกันยกใหญ่

วันจันทร์คุณลุงก็อยู่กับลูกสาวคนโต ลูกเขยกับหลานก็พากันเอาใจบีบนวดให้ หาของกินดี ๆ มาให้ แต่ยังไม่ทันไรลูกชายคนที่สองก็มาตามให้ไปอยู่ด้วย และก็เช่นกันยังไม่ทันไรลูกสาวคนที่สามก็มาตามให้ไปอยู่ด้วยกันอีก ปรากฎว่าลูก ๆ ทั้ง 5 คนของคุณลุงต่างแย่งกันเอาใจและปรนนิบัติคุณลุงท่านนี้อย่างดี แต่เวลาไปไหนคุณลุงก็จะลากลังเหล็กใบนี้ไปด้วยตลอดเวลาผ่านไป 7 ปี คุณลุงท่านนี้เสียชีวิตลง หลังงานพิธีศพลูก ๆ ทุกคนพากันมานั่งล้อมลังเหล็กใบนี้เพื่อแบ่งสมบัติกัน ลูกสาวคนโตเป็นคนเปิดฝาลังเหล็ก พบว่ายังมีผ้าสีขาวปิดอยู่อีกชั้นหนึ่ง และมีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่ ลูกสาวคนโตก็เปิดอ่านให้น้อง ๆ ฟัง เนื้อความในจดหมายเขียนว่า..... “ถึงลูก ๆ ที่รักทุก ๆ คน ก่อนอื่นพ่อต้องขอขอบคุณก้อนหินทุก ๆ ก้อนในลังเหล็กใบนี้ ที่ได้เลี้ยงดูชีวิตพ่อจนถึงวาระสุดท้าย พ่อขอให้ลูก ๆ แบ่งก้อนหินในลังเหล็กใบนี้ไปคนละเท่า ๆ กัน เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้พวกเจ้าหมั่นเก็บออมเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่เวลาพวกเจ้าแก่ตัวลงจะได้ไม่มีชีวิตที่น่าสมเพชเยี่ยงพ่อ”

รักลูก

จากพ่อ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าประมาทและอย่าคาดหวังว่าใครจะเลี้ยงดูเรา ให้เร่งเก็บออมเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้มีชีวิตบั้นปลายที่สุขสบายได้ฟังนิทานเรื่องนี้ทีไรให้รู้สึกสะท้อนใจทุกครั้ง แต่ไม่เคยคิดว่าเป็นเพียงนิทาน เพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ไม่เตรียมเก็บออมเงินเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ


พึ่งพาใครไหนเล่า จะดีเท่าพึ่งพาตัวเราเอง